ตำรับรักในวรรณกรรม
สำหรับนักเขียนหน้าใหม่ที่นึกพล็อตไม่ออก หรือใครก็ตามที่อยากจะเขียนนิยายรักสักเรื่องไม่ควรพลาดที่จะอ่านบทความเรื่องนี้ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดทั้งปวง...คริๆ
ผู้เข้าชมรวม
9,761
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตำรับรักในวรรณกรรม
: แบบเรื่องความรัก จากรวมเรื่องสั้นชุด "ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก"
"
รสใดไม่เหมือนรสรัก หวานนักหวานใดจะเปรียบได้
แต่มิได้เชยชมสมใจ ขมใดไม่เทียบเปรียบปาน"
(ท้าวแสนปม, 2513. หน้า 642)
ในงานวรรณกรรมไม่ว่าจะเป็นของชนชาติใด "ความรัก" ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเพราะ"ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีความรักเป็นอารมณ์หนึ่งของปุถุชนธรรมดา เนื้อหาและผลกระทบของความรักไม่ว่าจะในเชิงสุข ทุกข์ ดีหรือร้าย ย่อมจะยังเป็นสิ่งที่นำมาตีแผ่ใคร่ครวญได้เสมอในวรรณกรรมทุกรูปแบบ ทั้งอาจจะเป็นสาระที่สามารถสัมผัสใจของผู้อ่านได้โดยง่ายที่สุด
เหนือเนื้อหาที่เกิดจากอารมณ์อื่นใด" (วนิดา บำรุงไทย, 2544. หน้า 93)
ทำให้ปัจจุบันตลาดวรรณกรรมทั้งเรื่องสั้น และนวนิยาย ยังคงเปิดรับเรื่องราวเกี่ยวกับความรักอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการที่หนังสือรวมเรื่องสั้นชุด "ความรู้สึกดี
ที่เรียกว่ารัก" ได้รับความนิยมจากผู้อ่านอย่างล้นหลามถึงขั้นพิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ในชั่วระยะเวลาที่ห่างกันเพียง 1 เดือนเช่น เล่มที่ 1พิมพ์ครั้งแรกเมื่อตุลาคม 2544 พิมพ์ครั้งที่ 2 ธันวาคม 5244 และหลังจากนั้นไม่นานก็มีเล่มอื่นๆตามออกมาอีก ซึ่งล้วนแต่ได้รับความนิยมจากผู้อ่านเป็นอย่างดี กล่าวคือ แต่ละเล่มมียอดการพิมพ์ซ้ำไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง และต่อเนื่องกันจนถึงปัจจุบัน
โดยล่าสุดผลงานภายใต้ชื่อชุดเดียวกันนี้มีวางจำหน่ายแล้วถึง 21 เล่ม จากกระแสความนิยมดังกล่าว ทำให้น่าค้นหาว่าอะไรเป็นจุดเด่นและจุดร่วมที่ทำให้เรื่องสั้นชุดนี้ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้อ่านเป็นอย่างดี ผู้เขียนจึงได้นำทฤษฎีไวยากรณ์นิทานของวลาดิมีร์ พรอพพ์ (Vladimir Propp) มาปรับใช้ในการหาแบบเรื่อง โดยจะยึดตัวละครและการกระทำของตัวละครเป็นสำคัญ (สำหรับผู้อ่านที่สนใจการศึกษาโครงสร้างนิทานของ วลาดิมีร์ พรอพ์ สามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้จากเอกสารอ้างอิงในตอนท้าย)
ด้วยจำนวนเรื่องที่มีอยู่อย่างมากมายแต่มีลักษณะโครงเรื่องที่คล้าย ๆ กัน ผู้เขียนจึงเลือกเรื่องสั้นเพียงจำนวนหนึ่งมาใช้เป็นกรณีศึกษาโดยอยู่ในหนังสือชุดความรู้สึกดีที่เรียกว่ารัก เล่มที่ 1 และเล่มที่ 2 รวม 18 เรื่อง และมีผลการศึกษาที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1. ตัวละคร โดยมากนักเขียนกำหนดให้ตัวละครในเรื่องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ ทั้งมีฐานะและหน้าที่การงานดีพอสมควร
สำหรับตัวละครที่นำมาใช้ในการหาแบบเรื่องในครั้งนี้ ประกอบด้วยตัวละครสำคัญ 4 ประเภท ดังนี้
1.1 ตัวละครเอก โดยมากเป็นผู้หญิง ที่มี บุคลิกที่สุภาพเรียบร้อย มีบ้างที่ปากร้ายแต่ถึงอย่างไรก็เป็น
คนที่มีจิตใจดี ในเรื่องความรักหากไม่แอบชอบตัวละครรองอยู่ก่อนแล้ว ก็มักจะประทับใจตัวละครรองหลังจากที่ได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันมาได้สักระยะหนึ่ง แต่ก็จะไม่ตกลงใจหรือเปิดเผยความในใจออกมาทันที ถ้าหากไม่ถูกเร่งเร้าด้วยอุปสรรคหรือปัญหา
1.2 ตัวละครรอง ส่วนมากเป็นผู้ชาย และมักจะเป็นฝ่ายที่แสดงออกถึงความรัก ความประทับใจที่มีต่อตัวละครเอกอย่างตรงไปตรงมา ตัวละครในหลายเรื่องมีความประทับใจตัวเอกมาก่อนตั้งแต่ครั้งเป็นเด็ก หรือบางทีก็แอบชอบตัวละครเอกโดยไม่รู้ตัว และมีบางลักษณะที่เข้ามาแบบผู้ช่วยรักษาแผลใจหรือไม่สนใจเรื่องในอดีตของตัวละครเอกว่าเคยเป็นอย่างไร
1.3 ผู้ช่วย มักเป็นคนสนิทของตัวละครเอก และตัวละครรอง ความสัมพันธ์มีทั้งที่เป็นพี่น้อง พ่อแม่ และเพื่อน บทบาทสำคัญ คือ ช่วยสนับสนุนให้ตัวละครเอกและตัวละครรองให้รักกัน เมื่อเกิดปัญหาก็ช่วยให้คำปรึกษา หรือเป็นผู้แก้ไขปัญหานั้นให้
1.4 ผู้ขัดขวาง ไม่มีบทบาทที่เด่นมากนัก มักเป็นสาเหตุของความเข้าใจผิดระหว่างตัวละครเอกและตัวละครรองมากกว่าที่จะมาแสดงอาการกีดกันหรือหึงหวง
2. การกระทำ (Function) สำหรับพฤติกรรมที่ตัวละครทั้ง 18 เรื่อง แสดงออกนั้นสามารถแบ่งตามลักษณะของการกระทำได้ดังนี้
2.2 ไม่ถูกชะตากัน
2.3 เข้าใจผิดกัน
2.4 หวาดกลัวความรัก
2.5 ผิดหวังกับความรัก
2.6 หลงรักเขาข้างเดียว
2.7 ไม่กล้าแสดงออกถึงความรัก
2.8 ระลึกเรื่องราวในอดีตชาติได้
การวิเคราะห์แบบเรื่องความรัก
เมื่อนำการกระทำของตัวละครมาเรียงลำดับความสัมพันธ์ของตัวละครตามโครงเรื่องที่ปรากฏแล้วพบว่า มีแบบเรื่องที่ซ้ำกันทั้งหมด 8 แบบด้วยกัน คือ
แบบที่ 1 ตัวละครเอกและตัวละครรองเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนและต่างก็แอบชอบกัน แต่เนื่องจากทั้งคู่ไม่มั่นใจความรู้สึกของอีกฝ่าย ตัวละครรองจึงเปลี่ยนใจไปมีคนรักใหม่ แต่ถึงอย่างไรก็เลิกกันและกลับมารักตัวละครเอกในที่สุด แบบเรื่องลักษณะนี้ได้แก่เรื่อง บันทึกรักของเพื่อน, มีเธอเสมอไปในดวงตา, คือคนพิเศษของใจ และเก็บรักไว้ในสายหมอก
ตัวอย่างการวิเคราะห์
เรื่อง บันทึกรักของเพื่อน
โครงเรื่อง หญิงสาวคนหนึ่งอาศัยการบันทึกไดอารี่เพื่อระบายความในใจ โดยเฉพาะเรื่องที่เธอไปแอบชอบเพื่อนสนิท แต่ไม่กล้าบอกเขาเนื่องจากเขามีคนรักอยู่แล้ว และเธอก็มีคนมาชอบพอเช่นกัน เมื่อเธอไปศึกษาต่อต่างประเทศด้วยความตื่นเต้นทำให้ลืมนำสมุดบันทึกติดตัวไปด้วย ร้อนถึงพี่ชายที่ต้องส่งตามมาให้ แต่เรื่องไม่เป็นดังนั้นเมื่อพี่ชายวานให้เขาคนนั้นมาส่งแทน ทั้งคู่จึงได้รู้ความในใจของอีกฝ่ายว่ามีใจต่อกัน
ตัวละคร ประกอบด้วย
1. ตัวละครเอก คือ ภควดี
2. ตัวละครรอง คือ วศิน
3. ผู้ช่วย คือ พี่ชาย
4. ผู้ขัดขวาง คือ พล , แก้ว
การกระทำ ประกอบด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างกันของตัวละคร ดังนี้
1. ตัวละครเอก-ตัวละครรอง ภควดีกับวศินแอบชอบกัน
2. ผู้ขัดขวาง-ตัวละครเอก พลมาชอบภควดี
3. ตัวละครรอง-ผู้ขัดขวาง วศินไปจีบแก้วเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก
4. ตัวละครเอก-ผู้ช่วย ภควดีสั่งให้พี่ชายส่งสมุดบันทึกมาให้
5. ผู้ช่วย-ตัวละครรอง พี่ชายของภควดีวานวศินส่งของแทน
6. ตัวละครรอง-ตัวละครเอก วศินได้รู้ความในใจของภควดีจึงเขียนคำสารภาพรักใส่ไว้ในสมุดบันทึก
7. ตัวละครเอก-ตัวละครรอง ภควดีทราบความในใจ และส่งอีเมลกลับไปหาวศิน
แบบที่ 2 ตัวละครเอกและตัวละครรองบังเอิญได้รู้จักกันจึงคบหาเป็นเพื่อน และพัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นคนรักในที่สุด แบบเรื่องลักษณะนี้ ได้แก่เรื่อง บันทึกรักออนไลน์, เติมวันเวลาด้วยความรัก
แบบที่ 3 ตัวละครเอกและตัวละครรองเกิดความเข้าใจผิดกันแต่ก็กลับมาคืนดีกัน แบบเรื่องลักษณะนี้ ได้แก่เรื่อง เพียงรัก, เพียงสายลม
แบบที่ 4 ตัวละครเอกหรือตัวละครรองผิดหวังกับความรักแล้วได้พบรักใหม่ แบบเรื่องเช่นนี้ ได้แก่เรื่อง แค่น้ำเกาะตา, เพลงบทเก่า และรักนิรันดร์
แบบที่ 5 ตัวละครเอกและตัวละครรองเคยรู้จักกันมาก่อนแต่จำกันไม่ได้ เมื่อมาพบกันอีกครั้ง แม้ว่าจะเกิดความเข้าใจผิดกันก็ปรับความเข้าใจกันได้ ด้วยเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เคยมีมา ลักษณะเรื่องแบบนี้ ได้แก่เรื่อง แด่ชายคนนี้ที่ฉันรัก, ตามรัก และดวงตะวันในดวงใจ
แบบที่ 6 ตัวละครเอกและตัวละครรองระลึกชาติได้ว่าเคยรักกันมาก่อน และตามมาเป็นคู่รักกันอีกในชาตินี้ ได้แก่เรื่อง FORGET ME NOT
แบบที่ 7 ตัวละครเอกแอบชอบตัวละครรองข้างเดียว และทำได้เพียงแค่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ แบบเรื่องลักษณะนี้ ได้แก่เรื่อง เวลาที่ผ่านเลย
แบบที่ 8 ตัวละครเอกและตัวละครรองไม่ถูกชะตากัน แต่มีเรื่องให้เกิดความประทับใจซึ่งกันและกันทำให้รักกันในที่สุด โดยเรื่องที่มีลักษณะเช่นนี้ได้แก่เรื่อง เพียงคนหนึ่งของหัวใจ และหนุ่มขี้เมากับสาวห้าวปากจัด
เมื่อตำรับรักปรากฏ
จากการศึกษาเรื่องสั้นทั้ง 18 เรื่อง พบว่า แบบเรื่องความรักที่นักเขียนให้ความนิยมมากที่สุด คือแบบเรื่องความรักแบบที่ 1 ซึ่งกำหนดให้ตัวละครแอบชอบกันแต่ไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึก จนกระทั่งต้องสูญเสียคนที่รักไปจึงได้กล้ายอมรับความจริง ต่อมามีโอกาสกลับมาทำความเข้าใจกันใหม่ ทั้งคู่จึงได้รักกันอีกครั้ง
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะ"การแอบชอบ"เป็นอารมณ์พื้นฐานที่สอดคล้องกับค่านิยมของสังคมและวัฒนธรรมไทย ที่ไม่นิยมให้เปิดเผยความรู้สึกอย่างโจ่งแจ้ง อีกทั้งยังเข้ากับกลุ่มผู้อ่านที่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นซึ่งมีช่วงอารมณ์แอบรักแอบฝันได้ง่าย
สำหรับการสร้างตัวละครนั้น พบว่าผู้เขียนมักกำหนดให้เป็นผู้มีการศึกษาและฐานะดี มีความรักในช่วงเวลาที่บรรลุนิติภาวะแล้วเป็นส่วนใหญ่ ตัวละครในแต่ละแบบมีสภาพตามความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ในสังคม กล่าวคือ ปรากฏนิสัยทั้งในด้านดีและไม่ดี
ทั้งนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอันเป็นลักษณะร่วมของตัวละครในรวมเรื่องสั้นชุดนี้ก็คือ การยึดถือความรักเป็นหลักในชีวิต ทำให้เรื่องราวนั้นมักจะจบลงด้วยความสุข หรือแม้ว่าจะไม่สมหวังแต่ก็ยังมีความรู้สึกดีที่ประทับใจอยู่ ทำให้"รวมเรื่องสั้นชุดความรู้สึกดีที่เรียกว่ารัก" เป็นผลงานหนึ่งที่สามารถครองใจผู้อ่านได้อย่างมากมาย
และผลของการศึกษาแบบเรื่องความรักนี้ ยังสามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับผู้ที่สนใจหรือเพิ่งหัดเขียนเรื่องสั้นแนวรักโรแมนติกได้อีกด้วย
ภาณุวัฒน์ สกุลสืบ
รายการอ้างอิง
มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว,พระ. (2513). ศกุนตลา มัทนะพาธา ท้าวแสนปม ประมวลสุภาษิต.
กรุงเทพฯ: คลังวิทยา.
วนิดา บำรุงไทย,รศ. (2544). ศาสตร์และศิลป์แห่งนวนิยาย. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ศิราพร ณ ถลาง (บรรณาธิการ). (2544). ไวยากรณ์ของนิทาน การศึกษานิทานเชิงโครงสร้าง.
กรุงเทพฯ: โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ผลงานอื่นๆ ของ นัทกะต๋อม ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ นัทกะต๋อม
ความคิดเห็น